
เมื่อองค์กรขยายโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮบริด การรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทาง (Endpoint) และเซิร์ฟเวอร์กลายเป็นภารกิจสำคัญ Microsoft Defender for Endpoint และ Defender for Servers มอบการป้องกันระดับองค์กรพร้อมตัวเลือกไลเซนส์ที่ยืดหยุ่น ในบทความนี้ เราจะถอดรหัส Endpoint and Server Protection Pricing เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างของแผน ค่าใช้จ่าย และสิ่งที่รวมอยู่ในแต่ละไลเซนส์
ภาพรวมของแผนการป้องกัน Microsoft Defender
Microsoft มีแผน Defender ให้เลือกหลายรูปแบบทั้งสำหรับอุปกรณ์ปลายทาง (เช่น แล็ปท็อป เดสก์ท็อป อุปกรณ์พกพา) และเซิร์ฟเวอร์ (เครื่อง Windows และ Linux ที่โฮสต์แบบ on-premises หรือในคลาวด์)
แผนที่ครอบคลุม:
- Microsoft Defender for Endpoint Plan 1 (P1)
- Microsoft Defender for Endpoint Plan 2 (P2)
- Microsoft Defender for Servers (Plan 1 & Plan 2)
แต่ละแผนมีความแตกต่างกันทั้งในด้านฟีเจอร์ ราคา และความเหมาะสมตามขนาดธุรกิจและระดับความต้องการด้านความปลอดภัย
Microsoft Defender for Endpoint – ราคาและฟีเจอร์
แผน | ราคาต่อผู้ใช้ (USD) | ฟีเจอร์หลัก |
Plan 1 (P1) | $3.00/เดือน | การป้องกันขั้นสูง, ลดพื้นผิวการโจมตี, ควบคุมอุปกรณ์ |
Plan 2 (P2) | $5.20/เดือน | รวม P1 + การจัดการช่องโหว่, EDR, Microsoft Threat Experts |
เหมาะสำหรับ:
- P1: ธุรกิจขนาดเล็ก-กลางที่ต้องการการป้องกันพื้นฐาน
- P2: องค์กรที่ต้องการการตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามขั้นสูง
หมายเหตุ: P2 รวมอยู่ในชุด Microsoft 365 E5 และ Microsoft 365 E5 Security
Microsoft Defender for Servers – ราคาและฟีเจอร์
Defender for Servers แบ่งออกเป็น 2 แผน โดยคิดค่าบริการตามจำนวน core ต่อเดือน (ขั้นต่ำ 8 core ต่อเซิร์ฟเวอร์)
แผน | ราคาต่อ Core/เดือน (USD) | ฟีเจอร์หลัก |
Plan 1 | $6.00 | การประเมินช่องโหว่, การป้องกัน endpoint, ผสานกับ Defender for Endpoint P1 |
Plan 2 | $10.00 | รวม Plan 1 + ผสานกับ P2, การตอบสนองอัตโนมัติ, Threat Analytics, Threat Intelligence |
ข้อควรรู้เกี่ยวกับไลเซนส์:
- เซิร์ฟเวอร์ Azure จะถูกลงทะเบียนอัตโนมัติและคิดค่าบริการรายเดือน
- เซิร์ฟเวอร์ on-premises หรือ multi-cloud ต้องใช้งานผ่าน Azure Arc
- ราคาอาจแตกต่างตามภูมิภาคและประเภทข้อตกลง (เช่น EA, CSP)
ตารางเปรียบเทียบฟีเจอร์
ฟีเจอร์ | Endpoint P1 | Endpoint P2 | Server P1 | Server P2 |
การป้องกันขั้นสูง | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
ลดพื้นผิวการโจมตี | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
การจัดการช่องโหว่ | ❌ | ✅ | ✅ | ✅ |
การตรวจจับและตอบสนอง | ❌ | ✅ | ❌ | ✅ |
Threat Intelligence & Experts | ❌ | ✅ | ❌ | ✅ |
ผสานกับ Microsoft 365 E5 | ❌ | ✅ | ❌ | ✅ |
ปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อราคา
- Azure Hybrid Benefit: ช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับงานแบบไฮบริด
- Add-On การจัดการช่องโหว่: เพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์ช่องโหว่
- ต้นทุนการผสานระบบ: Defender for Servers รวม Defender for Endpoint แล้ว แต่มีค่าใช้จ่ายตาม core
ควรเลือกแผนใด?
เลือก Defender for Endpoint P1 ถ้า:
- ต้องการการป้องกันแบบเบาสำหรับทีมงานขนาดเล็กถึงกลาง
- ไม่ต้องการความสามารถด้านการตรวจจับและล่าภัยคุกคามขั้นสูง
เลือก Defender for Endpoint P2 ถ้า:
- มีข้อมูลอ่อนไหวหรืออยู่ในอุตสาหกรรมที่มีข้อบังคับ
- ต้องการการตรวจจับอัตโนมัติและตอบสนองทันที
เลือก Defender for Servers Plan 1 ถ้า:
- ต้องการปกป้อง workload พื้นฐานในคลาวด์หรือ on-premises
เลือก Defender for Servers Plan 2 ถ้า:
- ดูแล workload สำคัญที่ต้องใช้การวิเคราะห์และการดำเนินการอัตโนมัติขั้นสูง
สรุปท้ายบทความ
การเข้าใจ Endpoint and Server Protection Pricing เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยแบบครบวงจรขององค์กร แม้ว่า Plan 1 จะเพียงพอสำหรับพื้นฐาน แต่ออปชัน Plan 2 จะปลดล็อกฟีเจอร์ระดับสูงที่เหมาะกับองค์กรที่เผชิญความเสี่ยงจากภัยคุกคามขั้นสูงมากกว่า
นอกจากบทความนี้ คุณยังสามารถอ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ไมโครซอฟต์ ได้ที่ Fusion Solution, Fusion Solution 365, Chatframework, IPPhone, SeedKM, และ AskMePlease
Related Articles: Microsoft 365 Apps
- เปรียบเทียบ Microsoft Copilot Free VS Pro แบบละเอียด เลือกแบบไหนดี?
- Copilot wake word “Hey, Copilot!” พร้อมใช้งานแล้ว
- Microsoft 365 Teams with Viva Insights สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดีขึ้น
- Top 5 Antivirus for Windows ปกป้องพีซีจากภัยคุกคาม
- Microsoft 365 and Office Pricing Guide: รายเดือนเทียบกับซื้อขาด
- OneDrive for Business: ไม่ใช่แค่ Cloud Storage ธรรมดา